วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

10 อาหารสุดแปลก -________-'

 
 
อันดับ 10 หนู


เป็นอาหารสุดฮิตของอเมริกาใต้ โดยเฉพาะประเทศยากจนอย่าง เปรู ปารากวัย หนูคือแหล่งโปรตีนสำคัญที่เดียว และเป็นเมนูหลักๆ ของร้านอาหาร และภัตตาคารใหญ่ๆ โดยชาวปารากวัยต่างลิ้มลองเชื่อว่าการกินหนูจะช่วยให้ผิวกระชับมากขึ้น ผิวเนียนอีกต่างหาก ซึ่งหนูตัวใหญ่เขาจะมาย่างเป็นหนังกรอบหอมเสริฟแบบแฮมเบอร์เกอร์เลยที่เดียว ส่วนหนูทารกตัวสีชมพู แดงๆ ก็จะหย่อนหนูเป็นๆ ลงท้องทันทีตามด้วยนมสดสักแก้ว หรือไม่ก็จะอร่อยแบบศิวิไลหน่อยก็จับลูกหนูใส่ในขนมปังหรือกล้วยหอมแล้วยัด ใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ ร้องจิ๊ดๆ เป็นอันอร่อยเหาะ


อันดับ 9 สตูค้างคาว

อาหารขึ้นชื่อของเวียดนาม ประเทศที่กำลังเจริญกว่าไทยน่ะแหละ ขายดิบขายดี แถมยังหรูและหายากมาก โดยเฉพาะเมืองหลวงไซ่งอนน่ะมันอยู่ในระดับภัตตาคารหรูเท่านั้น ซึ่งชาวเวียดนามเชื่อกันว่าเนื้อค้างคาวคือราชันย์แห่งเนื้อทั้งปวง การกินน่ะหรือ ทำได้หลายวิธี เช่นทำซุป หรือนำมาสับเป็นชิ้นๆ เคี้ยวเป็นสตู หรือไม่ก็ใช้มีดคมๆ ตัดหัวค้าวคาวทันที จากนั้นก็รีดเลือดที่หยดจากร่างไร้หัวใส่แก้วเปล่าแล้วดื่มกินสดๆ ทันที


อันดับ 8 สตูว์เนื้อหมาดำ

พูดถึงเอเชียก็ต้อง เนื้อหมา กินกันทั้งเกาหลี เวียดนาม ไทย แต่ถ้าจะหาประเทศที่กินเนื้อหมาได้มีลีลาเด็ดอร่อยก็ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อนบ้านของเรานั้นเองเพราะพี่เพื่อนบ้านแกทำหลายเมนูมาก โดยเฉพาะเนื้อหมาดำว่ากันว่ามีรสอร่อยกว่าเนื้ออื่นๆ ทั้งปวง แถมนุ่มกว่าเนื้อหมาสีอื่นๆ ทำให้เวลานี้หมาดำชักจะหายจากถนนและบ้านเรือนของอินโดนีเซียไปแล้ว


อันดับ 7 หัวแกะสด-ต้ม

จากหลายประเทศรอบทะเล เมดิเตอร์เรเนียน เป็นเมนูที่คุ้นเคยอย่างยิ่งของชาวเมืองแถบนั้นว่ากันว่าหัวแกะถือว่าเป็น อาหารสุดยอดของแกะ เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ของชาวยิวที่เรียกว่า รอช อาแชน่า หัวแกะถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกับความหมายที่ว่า ใครก็ตามได้กินหัวแกะนั้นจะได้รับโชคดีในวันปีใหม่ที่จะมาถึง แต่ถ้ากินลูกนัยตาของลูกแกะเข้าไปย่อมโชคดีมากขึ้นไปอีก ส่วนรสชาติหลายๆ คนให้ความเห็นว่า “เค็มเหลือเกินพับผ่า”


อันดับ 6 ขนมพายครีบแมวน้ำ

ชาวนิวฟาวด์แลนด์กินพายที่มาจากครีบแมวน้ำนั้นถือว่าเป็นสิ่งวิเศษ และต้องกินก็ได้ถ้ามีโอกาส และด้วยเหตุนี้ส่งผลให้แต่ละปีจะมีแมวน้ำมากมายมหาศาลต่างถูกจับตัวขึ้นมา ตัดครีบทั้งสองข้าง จากนั้นก็ถีบลงเรือและปล่อยให้จมน้ำตายในทะเลไปอย่างน่าสมเพชที่สุด ในภัตตาคารใหญ่ๆ หลายต่อหลายแห่งก็มีเมนูชนิดนี้เปิดขายทั้งแบบปกปิดและเปิดเผย เพราะนานาประเทศยังต่อต้านเมนูนี้อยู่


อันดับ 5 สมองลิงแสนสนุก

วิธีการทำและการกินก็ ง่าย ก็เอาลิงพันธุ์อะไรก็ได้แล้วแต่มีให้ มาหนีบกับโต๊ะโดยมีส่วนหัวด้านบนโผล่ออกมา จากนั้นพ่อครัวก็ใช้วิชาบาร์เบอร์โกนขนส่วนบนของลิงออกจนเกลี้ยงเกลาจากนั้น ก็ใช้สิ่วและค้อนเฉาะกะโหลกของลิงออกคล้ายกับกะเทาะมะพร้าวอ่อน และแล้วลูกค้าก็จะรีบตักกินสมองลิงอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปสมองลิงจะยุบและลดปริมาณอย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งเขาก็เสิร์ฟสมองลิงแบบแช่แข็งไว้ด้วย เพื่อลดภาระสมองลิงหดตัวอย่างรวดเร็วอีกทางหนึ่ง


อันดับ 4 ปลาสองแผ่นดิน

เมนูนี้สามารถหากินได้จากประเทศจีนหรือไทยก็ได้ครับ วิธีการทำต้องใช้ฝีมือหน่อย เริ่มจากนำมาเก๋าขนาด 2 ก.ก. มาขอดเกล็ดออกให้หมดแล้วนำมาล้าง ก่อนจะใช้ผ้าเย็นที่แช่เย็นจัดพันส่วนหัวจนถึงพุงปลา แล้วก็ใช้มีดบั้งตัวปลาตั้งแต่ส่วนหางขึ้นมาจนถึงกลางลำตัว ระหว่างนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไปรอให้เดือดเต็มที่ แล้วก็นำหางปลาช่วงที่บั้งจุ่มลงไปทอดครึ่งตัว ซึ่งเป็นภาพที่หวาดเสียวมาก เพราะปลาจะดิ้นตลอดเวลาด้วยความเจ็บปวด ต้องใช้คีมคีบที่หัวปลาเอาไว้ รอจนเนื้อปลาสุกเป็นสีเหลือง ก็ยกขึ้นนำมาวางบนจานแต่งด้วยเครื่อง ยกเสิร์ฟโดยครึ่งบนปลายังเป็นๆ อยู่ อ้าปากพะงาบๆ ครีบยังกระดิกได้ แต่ครึ่งล่างทอดจนสุก กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดและซอสเปรี้ยว โดยคนจีนเชื่อว่าการทานปลาสองแผ่นดินเป็นยาชูกำลัง ให้กินมากๆ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงน่ะจะบอกให้ เชื่อไหม


อันดับ 3 อุ้งตีนหมี

เป็นอาหารที่นักเปิบมหาภัย ชอบมากและเป็นเมนูสุดโหด เพราะการตัดอุ้งตีนหมีนั้น ไม่สามารถตัดขณะที่หมียังมีชีวิตได้ การฆ่าหมีเองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหนังหมีจะหนามาก ยากต่อการฆ่า ดังนั้น ผู้ฆ่าจึงจับหมีถ่วงน้ำทั้งเป็น หมีความส่งเสียงร้องดังโหยหวนเมื่อถูกตะขอเหล็ก เกี่ยวร่างออกจากกรงขัง ไม่กี่นาทีต่อมามันก็ตกอยู่ในความมืดมิด เมื่อถูกกระสอบสวมคลุมร่าง นักท่องเที่ยวจะยืนมองวินาทีสุดท้ายของหมีควายโชคร้ายในถังเก็บน้ำใบเขื่อง ด้วยสายตาเฉยชา หลังจากร่างใหญ่ดิ้นพราดๆ อยู่เพียงครู่ ทุกอย่างก็สงบลง เพชฌฆาตรีบลงมีดเลือดสดๆ ไหลทะลักจากคอหมีลงสู่ถ้วยขนาดย่อม เลือดในถ้วยถูกผสมด้วยเหล้าขาวแล้วเวียนกันดื่ม หลังจากยืนดู การชำแหละอุ้งตีนหมีเสร็จสิ้น นักท่องเที่ยวจึงกลับไปที่โต๊ะ นั่งรออาหารจานเด็ดที่เชื่อว่าจะช่วยทำให้คนแข็งแกร่งในกามกรีฑา ดุจเดียวกับความแข็งแรงของอุ้งตีนหมี


อันดับ 2 ซุปตัวอ่อนมนุษย์

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงน่ะครับ เพียงแต่รูปที่นำมาเป็นของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เมนูนี้เป็นอาหารเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้นน่ะครับ มันมีขายอยู่ที่เฉินเซ่น ประเทศจีน การกินตัวอ่อนของมนุษย์ หรือทารกที่เพิ่งคลอดนั้นเป็นความเชื่ออย่างลับๆ ว่า จะช่วยเพิ่มคุณค่าอาหารหลายอย่างในหมู่ชาวจีน นั้นก็คือทำให้ผิวสวยเนียน ร่างกายแข็งแรงต้านทานโรค และที่เชื่อกันมากก็คือช่วยบำรุงไตได้ดีสำหรับวิธีการทำก็ไม่ยากเท่าไหร่ แค่เอาเด็กทารกแรกคลอด หรือเด็กที่ตายจากการทำคลอด ยิ่งเป็นเด็กผู้ชายยิ่งดี(เขาบอกว่ามีคุณค่าทางอาหารสูง) มาสับ มาเคี่ยวเป็นซุปและใส่เนื้อหมูลงไปเป็นอันเสร็จ………..รสชาติเหมือนซุปสมุนไพร อย่างไรก็ตามการนำเด็กทารกมาทำตุ๋นยาจีนเป็นอาหารที่ประเทศจีนนั้น ถือว่าผิดกฎหมาย ทำให้เมนูนี้ ต้องมีการสั่งเป็นพิเศษ หรือไม่ก็แอบทำให้กับพวกที่อยากรับประทานอาหารแบบพิสดาร แบบนี้


อันดับ 1 เนื้อมนุษย์ที่ปาปัว นิว กินี

และก็ มาถึงอันดับหนึ่งของเรา ที่ปาปัว นิว กินี เวลามีใครตายขึ้นไม่ว่าจะเป็นญาติของตน หรือคนต่างเผ่าที่ตกอยู่ในครอบครองของตน เขาจะไม่นำศพไปฝังหรือเผา แต่จะนำศพไปไว้บนตะแกรงที่ยกพื้นสูงขนาดท่วมหัว ปล่อยให้ศพอยู่ในสภาพนั้นจนขึ้นอืด เกิดน้ำเหลืองเยิ้มไปทั้งตัวดีแล้ว ก็จะเข้าป่าหาใบไม้ที่เป็นเครื่อง เทศเอามาพับเป็นกระทงเล็กๆ (คงอย่างที่เตรียมใบชะพลูจะกินกับเมี่ยง) เหมาะที่จะมีขนาดกินคำเดียว แล้วก็เชิญพรรคพวกเพื่อนฝูงให้มารวมกันอยู่ใต้ตะแกรงศพนั้น นำเอาไม้ปลายแหลมแทงศพให้เป็นรู ให้น้ำเหลืองไหลย้อยออกมา นำกระทงใบไม้ที่เตรียมไว้ รองรับน้ำเหลืองนั้น พอได้มากดีแล้วก็กินทั้งน้ำเหลืองและใบไม้ กินกันจนไม่มีน้ำเหลืองแล้วก็นำศพนี้ไปต้มซุปกับผักต่างๆ กินกันต่อไป แต่ถ้าจะกินมนุษย์ที่สะใจที่สุดต้องยกให้ชนเผ่า โดโบดูรัส นิยมจับเหยื่อที่ล่ามาได้มากินแบบเป็นๆ นั้นคือต้องทรมานเหยื่อจนใกล้จะตายแต่ไม่ให้ถึงตาย จากนั้นก็เจาะกะโหลกให้เป็นรูลึกๆ เสียก่อน แล้วค่อยสอดไม้เล็กๆ ที่มีปลายแบบชอนเข้าไปตักสมองออกมากิน เหยื่อก็ดิ้นไปดิ้นมา

10 เรื่องน่ารู้ของ Google

 

 

10. ความขัดแย้งในกฎและสิทธิ

การเติบโตของกูเกิลในด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และการบริการ ก่อให้เกิดความขัดแย้งและการวิพากษ์วิจารณ์หลายครั้ง ตัวอย่างเช่นการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เขียนหนังสือ จากการให้บริการค้นหาหนังสือผ่าน กูเกิล บุ๊กเสิร์ช ที่มีการนำข้อมูลจากหนังสือมาสแกนเพื่อให้ผู้ใช้งานค้นคว้าง่ายขึ้น เช่นเดียวกับการค้นหาภาพผ่าน กูเกิล ค้นหารูปภาพ นอกจากนี้ยังมีการวิจารณ์ที่กูเกิลได้ทำการเซ็นเซอร์ข้อมูลในการค้นหาบางส่วน เช่นกูเกิลได้ยอมให้ในประเทศจีน ที่ทางรัฐบาลไม่ต้องการให้ผู้ใช้งานกูเกิลจีนค้นหาข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและสังคม กูเกิลได้ทำการเซ็นเซอร์ข้อมูลเกี่ยวกับ การชุมนุมประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน และเช่นเดียวกันในการเซ็นเซอร์ของเยอรมนีและฝรั่งเศสเกี่ยวกับการล้างชาติพันธุ์โดยนาซี

9. ฟ้องพวกชื่อเหมือน

ในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 กูเกิลชนะความในศาล ในคดีที่มีบริษัทอื่นตั้งชื่อใกล้เคียง ได้แก่ googkle.com ghoogle.com และ gooigle.com เพื่อเรียกให้คนอื่นเข้าเว็บไซต์ของตน ทำให้เกิดความเสียหายกับชื่อเสียงของกูเกิล

8. ชื่อ

ชื่อ "Google" มาจากคำว่า "googol" ซึ่งหมายถึงจำนวนทางคณิตศาสตร์ที่หมายถึงเลข 1 แล้วตามด้วยเลข 0 อีกหนึ่งร้อยตัว หรือ 10กำลัง100 เพื่อเป็นการแสดงถึงเป้าหมายของบริษัทที่จะจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาล อีกกระแสหนึ่งบอกว่าชื่อ Google มาจากความผิดพลาดในการจดโดเมนเนมในช่วงก่อตั้ง

7. ความร่วมมือ

ตั้งแต่ปี 2548 กูเกิลได้เริ่มมีการร่วมมือกับบริษัทอื่นและหน่วยงานรัฐบาลในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้น โดยกูเกิลได้ร่วมมือกับศูนย์วิจัยนาซ่าเอมส์ ในด้านการวิจัยระบบจัดการข้อมูล เทคโนโลยีนาโน และการสำรวจอวกาศ กูเกิลยังได้จับมือกับซันไมโครซิสเตมส์โดยได้แบ่งข้อมูลเพื่อใช้ในการวิจัย กูเกิลได้ร่วมมือกับเอโอแอลของไทม์วอร์เนอร์ในการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบค้นหาวิดีโอออนไลน์ นอกจากนี้ทางบริษัทได้มีการลงทุนในส่วนของรหัสโดเมนบสุด .mobi ร่วมมือกับหลายบริษัทได้แก่ ไมโครซอฟท์ โนเกีย อีริกสัน

6. บริษัทที่น่าทำงาน

กูเกิลได้ถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาโดยนิตยสารฟอร์จูน

5. คติพจน์ประจำบริษัท

Don't be evil เป็นคติพจน์อย่างเป็นทางการของบริษัทกูเกิล ตั้งโดยพอล บุชเชต ผู้คิดค้นระบบจีเมล โดยเสนอแนะระหว่างการประชุมในไอเดียของสโลแกนที่มีผลระยะยาว ซึ่งขณะเดียวกันก็กล่าวกระทบกับบริษัทคอมพิวเตอร์อื่นในขณะนั้นที่พยายามครองตลาดแต่เพียงผู้เดียว

4. รายได้

มีรายได้หลักจากการโฆษณาออนไลน์ที่ปรากฏในเสิร์ชเอนจินของกูเกิล อีเมล แผนที่ออนไลน์ ซอฟต์แวร์จัดการด้านสำนักงาน เครือข่ายออนไลน์ และวิดีโอออนไลน์ รวมถึงการขายอุปกรณ์ช่วยในการค้นหา และ บริษัทลูกอีกมากมาย

3. ซื้อกิจการ

ตั้งแต่ปี 2544 กูเกิลได้เริ่มมีการซื้อบริษัทที่มีการพัฒนาในด้านเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์เข้ามา ตัวอย่างบริษัทและผลิตภัณฑ์ที่มีการซื้อได้แก่ บล็อกเกอร์พัฒนาโดยไพราแล็บส์แพลตฟอร์มสำหรับให้บริการเขียนบล็อก ปีกาซาที่พัฒนาโดยไอเดียแล็บซอฟต์แวร์สำหรับดูไฟล์ภาพและวิดีโอ คีย์โฮลพัฒนาโดยบริษัทคีย์โฮลซอฟต์แวร์สำหรับดูภาพถ่ายผ่านดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของกูเกิลเอิร์ธ เออร์ชินเว็บแอพลิเตชันในการวิเคราะห์สถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นแอนะลิฟิกส์ ไร้รีเว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเอกสารสำนักงานออนไลน์ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของด็อกส์ สเก็ตช์อัปพัฒนาโดยแอตแลสต์ซอฟต์แวร์สำหรับวาดภาพสามมิติ ยูทูบเว็บไซต์ให้บริการแชร์วิดีโอออนไลน์ จอตสปอตเว็บไซต์สำหรับสร้างเว็บไซต์แนววิกิปัจจุบันใช้ชื่อไซตส์ ดับเบิลคลิกบริษัทให้บริการโฆษณาออนไลน์ ไจกุเครือข่ายสังคมออนไลน์ โมโตโรล่า โมบิลิตี้ บริษัท ผลิตอุปกรณ์การสื่อสาร

2. จัดตั้งบริษัทมหาชน

มีการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก เมื่อ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2547 เพิ่มมูลค่าของบริษัท 1.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหลังจากนั้นทางกูเกิลได้มีการขยายตัวตลอดเวลาจากการพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่และการซื้อกิจการอื่นรวมเข้ามา

1. ผู้ก่อตั้ง

กูเกิลก่อตั้งโดย แลร์รี เพจ และ เซอร์เกย์ บริน ขณะที่ทั้งคู่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งภายหลังทั้งคู่ได้ก่อตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2541 ในโรงจอดรถของเพื่อนที่ เมืองเมนโลพาร์ก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย

10 เมืองน่าอยู่ >

 

10. โอ๊คแลนด์

อันดับที่ 10 ได้แก่เมือง โอ๊คแลนด์ ประเทศ นิวซีแลนด์ ได้คะแนน 95.7

9. เพิร์ท

อันดับที่ 9 ได้แก่เมือง เพิร์ท ประเทศ ออสเตรเลีย ได้คะแนน 95.9

8. เฮลซิงกิ

อันดับที่ 7 ได้แก่เมือง เฮลซิงกิ ประเทศ ฟินแลนด์ ได้คะแนน 96 คะแนน

7. ซิดนีย์

อันดับที่ 6 ได้แก่เมือง ซิดนีย์ ประเทศ ออสเตรเลีย ได้คะแนน 96.1 คะแนน

6. แอดิเลด

อันดับที่ 5 ได้แก่เมือง แอดิเลด ประเทศ ออสเตรเลีย ได้คะแนน 96.6 คะแนน

5. แคลกะรี

อันดับที่ 5 ได้แก่เมือง แคลกะรี ประเทศ แคนาดา ได้คะแนน 96.6 คะแนน

4. โตรอนโต

อันดับที่ 4 ได้แก่เมือง โตรอนโต ประเทศ แคนาดา ได้คะแนน 97.2 คะแนน

3. แวนคูเวอร์์

อันดับที่ 3 ได้แก่เมือง แวนคูเวอร์์ ประเทศ แคนาดา ได้คะแนน 97.3 คะแนน

2. เวียนนา

อันดับที่ 2 ได้แก่เมือง เวียนนา ประเทศ ออสเตรีย ได้คะแนน 97.4 คะแนน

1. เมลเบิร์น

อันดับที่ 1 ได้แก่เมือง เมลเบิร์น ประเทศ ออสเตรเลีย ได้คะแนน 97.5 คะแนน

10 อันดับยาสีฟันสุดแปลก!

 

อันดับที่ 10 ยาสีฟันไอศครีม

ยา สีฟันนี้จะทำให้คุณมีลมหายใจเป็นกลิ่มไอศกรีมเสมือนคุณกินไอติมอยู่ตลอด เวลา คิดค้นโดยทันตแพทย์ชื่อ Janelle Holden ซึ่งออกแบบมาเพื่อเด็กๆโดยเฉพาะ ตอนนี้ออกมาให้ลองกันแล้ว 3 รสชาติ Banilla Bling, Ch Cha Chocolate และ Blingsicle รสชาติจะเหมือนไอติมรสส้มกับวานิลา


 
อันดับที่ 9 ยาสีฟันดำของเกาหลี
เดากันได้ไม่ยากว่ายาสีฟันอันนี้ทำมาจากถ่าน โดยดึงเอาคุณสมบัติเด่นของถ่านซึ่งดีในเรื่องดูดกลิ่นและทำความสะอาดพื้นผิว แต่อย่าลืมแปลงลิ้นหลังแปรงฟันด้วยหละไม่งั้นลิ้นดำแน่ๆ!


 
อันดับที่ 8 ยาสีฟันรสแชมเปญ
ยาสีฟันสำหรับคนขี้เมานี้ราคาหลอดละ 300 บาท หาซื้อได้ไม่ง่ายแต่ถ้าอยากมากคงหากันได้ไม่ยาก อิอิ



 
อันดับที่ 7 Email diamante rougue tootpaste จากฝรั่งเศส
แปลกขึ้นเรื่อยๆกับอันดับ 7 มาไกลจากฝรั่งเศสซึ่งวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 1893 ซึ่งคุณสมบัติเด่นของมันคือทำให้ฟันขาวขึ้นทันที!!! สีของยาสีฟันแดงเหมือนเลือดนก รสชาติก็เข้มข้นไปด้วยสมุนไพรต่างๆ มันสามารถทำให้ฟันขาวทันทีหลังแปรงเพราะส่วนประกอบหนึ่งในยาสีฟันนี้ เมื่อเกาะอยู่ที่ฟันจะทำให้มันเกิดเป็นประกายจึงทำให้ฟันดูขาวขึ้นทันที แต่ส่วนอื่นในปากคุณจะแดงหมดรวมไปถึงแปรงสีฟันของคุณด้วย ตอนคุณบ้วนปากเหมือนเพิ่งโดนใครเตะปากจนเลือดกรกยังไงยังงั้นเลย อิอิ



 
อันดับที่ 6 ยาสีฟันดำตราลิง
ลอง หลับตาแล้วนึกถึง ถ่านดำๆนะ แล้วเอามันมาบดจนเป็นผง หยุดตรงนี้ก่อนแล้วตอนนี้ให้นึกถึง Vicks vapor rub หรือยาหม่องก็ได้ แล้วเอาทั้ง 2 อย่างมาผสมกันในปาก!... คิดแล้วมันเหมือนจะไม่เข้ากันแต่ยาสีฟันนี้ทำหน้าที่มันได้อย่างดีเยี่ยมมากๆ ความรู้สึกจะเหมือนแปรงฟันด้วยกระดาษทรายเลย ข้อ เสียคือ อ่างล้างหน้าคุณจะมีคราบสีดำติดซึ่งล้างออกยากมากๆ ข้อแนะนำคือ ทำความสะอาดพื้นที่ที่โดนยาสีฟันนี้ทันที อย่าทิ้งไว้จนมันแห้งหละ!





อันดับที่ 5 ยาสีฟัน 2 หัว
คุณเคยมั้ยที่ต้องใช้ยาสีฟันร่วมกับคนอื่นๆในบ้านแล้วชอบบีบกลางหลอด!!! พอคุณมาแปรงต่อก็ต้องคอยบีบๆๆให้มามารวมกลุ่มกัน.... หมดปัญหาไปได้เลยถ้าคุณมีหลอดนี้เพราะบีบยังไงสุดท้ายก็จะใช้หมดหลอดได้อย่างประหยัดจริงๆ


 

อันดับที่ 4 ยาสีฟันรสวิสสกี้
อีกหนึ่งยาสีฟันสำหรับคนขี้เมาที่ไม่อยากจะทิ้งรสชาติปาร์ตี้ของเมื่อคืน เมากันได้ทั้งวันไปเลย!





อันดับที่ 3
ยาสีฟันรสเบคอน
แปลกอีกขั้นกับยาสีฟันรสเบคอน!... คนที่ลดความอ้วนอยู่น่าจะชอบเพราะตอนนี้คุณสามารถมีเบคอนในปากได้ตลอดเวลา ลองคิดดูว่าจะประหยัดไปได้มากขนาดไหนถ้าไป Burger King สั่ง Whooper ไม่เอาเบคอนแล้วใส่ยาสีฟันนี่ไปแทน อร่อยและไม่อ้วน!



 
อันดับที่ 2 ใกล้ชิดรสช็อคโกแลต
ปี 2005 ยูนิรีเวอร์ตัดสินใจวางขายยาสีฟันนี้ที่ ฟิลิปปินส์ โดยที่ออกมาเป็น limited edition ดูๆไปก็ไม่แปลกอะไรกับยาสีฟันรสช็อคโกแลต แต่จากการวิจัยของ Arman Sadeghpour จากมหาวิทยาลัยตูเลน เค้าพบว่าผงโกโก้ช่วยปกป้องฟันได้และยังดีกว่าฟลูโอไลด์ซะอีก!! .... ใครมีคนรู้จักเป็นหมอฟันฝากถามหน่อยว่าจริงรึเปล่า!?


 
อันดับที่ 1 ดอกบัวคู่
ดอกบัวคู่ (ฝรั่งเรียกว่า Nastiest Toothpaste "ยาสีฟันที่น่าขยะแขยงที่สุด")









ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://toptenthailand.com/

10 เทศกาลสุดแปลกจากทั่วโลก!

 
 
 
1. เทศกาลโดดข้ามทารก - Castrillo de Murcia ประเทศสเปน
 

Photo by Ricardo Ordonez Reuters

ชาวคริสต์นิกายคาทอลิกในเมืองเล็กๆชื่อ Castrillo de Murcia ประเทศสเปน มีพิธีการเฉลิมฉลองที่แปลกระดับโลก ประเพณีนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1620 โดยต้องใช้เด็กทารกที่เพิ่งเกิดในปีนั้นๆมานอนบนเสื่อ และเพื่อปกป้องเด็กน้อยเหล่านั้นจากบาปกำเนิด, ภูติผีปีศาจ และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ชายแต่งกายในชุดสีเหลืองแดงสดใส ตัวแทนของปีศาจร้าย จะกระโดดข้ามทารกเหล่านั้น เชื่อกันว่าการกระโดดข้ามเด็กทารกของปีศาจดังกล่าวจะหมายความว่าพวกเด็กๆได้รอดพ้นจากเงื้อมมือของปีศาจนั่นเอง นับเป็นหนึ่งในเทศกาลที่อันตรายที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ได้ขอให้บาทหลวงสเปนหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมงานเทศกาลนี้เพื่อเป็นการแสดงว่ามันไม่ใช่ประเพณีของนิกายคาทอลิก โดยทางคริสตจักรระบุว่าหนทางเดียวที่จะล้างบาปกำเนิดให้เด็กๆได้ก็คือการเข้าสู่พีธีล้างบาปนั่นเอง



2. เทศกาลบุฟเฟต์ลิง - จังหวัดลพบุรี ประเทศไทย
 

Photo by Chaiwat Subprasom Reuters

หลายๆคนคงคุ้นเคยกันดี เพราะงานนี้เกิดขึ้นที่เมืองไทยเรานี่เอง จังหวัดลพบุรีเป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการมีลิงกังเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ชาวบ้านที่นั่นเชื่อว่าลิงกังเป็นลูกหลานสืบทอดมาจากหนุมาน และหมายถึงโชคลาภ ลิงกังจึงสามารถใช้ชีวิตท่ามกลางผู้คนได้อย่างอิสระ แล้วก็ยังมีการจัดบุฟเฟต์เพื่อเฉลิมฉลองให้พวกลิงด้วยจำนวนผักผลไม้ที่หนักรวมกันกว่า 2,000 กก. เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทางการท่องเที่ยวหวังสร้างให้เป็นเสน่ห์ไว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก


3. เทศกาลวิ่งวัวกระทิง - Pamplona ประเทศสเปน
 

Photo by Susana Vera Reuters

เทศกาลวิ่งวัวกระทิงเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล Fiesta San Fermin ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 6-14 กรกฎาคมของทุกปี โดยตัวงานก็ไม่มีอะไรเข้าใจยาก แค่ปล่อยวัวกระทิงดุๆโหดๆให้วิ่งไล่ฟัดคนตามถนนความยาวกว่า 800 เมตร เป้าหมายของงานคือ การที่สามารถเอาตัวรอดจากกระทิงที่ตัวหนักเกือบครึ่งตันและพร้อมจะซัดคุณปลิวได้ทุกเมื่อ นับตั้งแต่ประเพณีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1910 มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากงานนี้กว่า 300 คน และถึงขั้นเสียชีวิตไป 15 ราย สาเหตุของการเสียชีวิตทั้งหมดนั้นก็คือการถูกกระทิงขวิด มีเพียง 1 รายเท่านั้นที่ถูกเขาแทงเสียชีวิต

อย่างไรก็ตามแม้ว่าวัวกระทิงจะดุเดือดต่อคนได้มากแค่ไหน สัตว์ชนิดนี้ก็เป็นที่เคารพนับถือมากในหมู่ชาวสเปน


4. เทศกาลเปลือยหมู่ - โอกายามา ประเทศญี่ปุ่น
 

Photo by Sankei via Getty Images

ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 500 ปีก่อน ผู้ชายจำนวนกว่า 9,000 คนต่างก็เข้าร่วมเทศกาลเปลือยหมู่ที่จัดขึ้นทุกๆปีที่โอกายามา ประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถึงขั้นโป๊เปลือยหมดจด แต่หนุ่มๆพวกนั้นก็นุ่งแค่ผู้เตี่ยวผืนเล็กๆเท่านั้น นักบวชชินโตจะโยนแท่งไม้ที่หมายถึงความโชคดีเข้าไปในหมู่ชายเปลือย คนไหนที่คว้าไม้ทั้งสองชิ้นมาอยู่ในมือได้ก็ถือว่าเป็นผู้ชนะ ตามประเพณีดั้งเดิมระบุว่าหากชายผู้ชนะนำแท่งไม้ไปปักไว้ในกล่องไม้ใส่เมล็ดข้าว เขาคนนั้นก็จะมีความสุขไปตลอดทั้งปี งานนี้ก็ถือเป็นประเพณีที่ได้รับการนับถือมากๆในโอกายามา


5. เทศกาลสวมเขา - Rocca Canterano ประเทศอิตาลี
 

Photo by Eye Candy Rex Features

ทุกๆปีที่เมือง Rocca Canterano จะมีเทศกาลสวมเขา เป็นเทศกาลที่ผู้ชายสวมเขานั้นหมายความว่าถูกแฟนนอกใจ ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยยุคโรมัน ที่นักรบชายต้องออกเดินทางไกลไปรบ พอกลับมาพวกเขาเหล่านั้นก็จะได้รับ 'เขา' เป็นของขวัญ แต่แล้วพอกลับมาถึงบ้านก็พบว่าตัวเองนั้นถูกภรรยานอกใจไปมีสามีใหม่เข้าให้แล้ว ตั้งแต่นั้นมาคำว่า 'สวมเขา' จึงกลายเป็นมีความหมายว่า ผู้ชายที่ถูกภรรยานอกใจนั่นเอง ในเทศกาลที่เมือง Rocca Canterano แห่งนี้ ผู้ชายที่ล้วนเคยถูกนอกใจต่างก็มารวมตัวกันเดินขบวน พร้อมด้วยสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการโดน 'สวมเขา' ในงานที่จัดขึ้นเพื่อให้เกียรติและปลอบใจชายผู้โชคร้ายเหล่านั้นนั่นเอง


6. เทศกาลกินแมว - ประเทศเปรู
 

Photo by Reuters


เทศกาลนี้คงไม่ถูกใจคนส่วนใหญ่เท่าไหร่นัก... โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่หลงรักเจ้าสัตว์เลี้ยงสี่ขาน่ารักน่าชังอย่างแมว เพราะที่เปรู มีงานเทศกาลที่เค้าเลี้ยงแมวเพื่อมาทำเป็นอาหารในงานเทศกาลนี้โดยเฉพาะ ต้นกำเนิดของงานนี้ก็คือมีครั้งหนึ่งที่ชาวเมืองต้องอดอยากไม่มีจะกิน พวกเขาเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปจับแมวที่มีอยู่ทั่วเมืองมาเป็นอาหาร ชาวเมืองทั้งหลายก็เลยถือยึดเอาเป็นงานเทศกาลเพื่อรำลึกถึงช่วงเวลานั้นๆ แล้วยังเชื่ออีกว่าการกินแมวช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบและช่วยเพิ่มอัตราการเกิดประชากรอีกด้วย แต่ก็แน่นอนว่าองค์กรเรียกร้องสิทธิสัตว์ทั้งหลายต่างก็ไม่พอใจกับการกระทำเช่นนี้เท่าไหร่นัก


7. เทศกาลยานบินต่างดาว - รอสเวลล์ นิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา
 

Photo by KeystoneUSA-ZUMA Rex Features


ในเดือนกรกฎาคมปี 1947 ว่ากันว่ามียานบินลึกลับมาตกที่ใกล้ๆกับเมืองรอสเวลล์ โดยสนามบินรอสเวลล์ระบุว่ายานบินนั้นคือ 'จานบินได้' และทำการกู้ซากออกมาจากสถานที่เกิดเหตุ วันต่อมาแถลงการณ์ดังกล่าวก็ถูกยกเลิก ที่ทางการเปลี่ยนเป็นให้ข้อมูลว่าบอลลูนสำรวจสภาพอากาศตก ทำให้เกิดข้อโต้แย้งปะทุในหมู่ชาวเมืองทันที หลายๆคนเชื่อว่ามียานต่างดาวมาลงจอดบนโลกจริงแต่ทางการพยายามปกปิดเรื่องดังกล่าว

60 ปีต่อมา การโต้แย้งนั้นก็ยังไม่จบ และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความเชื่อเรื่องสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่มาลงที่เมืองรอสเวลล์ ชาวเมืองจึงได้จัดงานเทศกาลพาเหรดประจำปี ผู้คนจะพากันใส่ชุดเลียนแบบสิ่งที่พวกเค้าเชื่อว่าเป็นเอเลี่ยน มีการจัดเสวนาโดยผู้เชี่ยวชาญและนักเขียนเรื่องเอเลี่ยนโดยเฉพาะ ส่วนคนที่ไม่ได้เชื่อเรื่องเอเลี่ยนก็สามารถร่วมสนุกในงานเทศกาล และแต่งกายเลียนแบบเอเลี่ยนได้อย่างสนุกสนานด้วยเช่นกัน


8. เทศกาลองคชาติ - เมืองคาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น
 

Photo by Richard Jones Rex Features


ทุกๆปีกลุ่มคนที่มีทั้งชาวพื้นเมือง คู่รักชาวญี่ปุ่น กลุ่มเกย์/เลสเบี้ยน และนักท่องเที่ยวช่างสงสัยจะแห่กันไปที่เมืองคาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมเทศกาลสุดแสนจะเพี้ยนที่จัดขึ้นเพื่อเคารพบูชาสัญลักษณ์ของอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย หรือองคชาตินั่นเอง ผู้เข้าร่วมงานจะถูกรายล้อมไปด้วยวัตถุรูปร่างเลียนแบบอวัยวะเพศชาย ไม่ว่าจะเป็นเทียน ช็อคโกแลต ของเล่นทำมือ ที่ต่างก็ทำขึ้นเพื่อบูชาองคชาติ เชื่อกันว่าเทศกาลนี้จะช่วยขจัดโรคร้ายที่ติดต่อผ่านเพศสัมพันธุ์ และช่วยเพิ่มอัตราการเกิดของประชากรอีกด้วย



9. เทศกาลกลิ้งชีสลงเขา - Gloucestershire ประเทศอังกฤษ
 

Photo by Matt Cardy Getty Images


นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 เป็นอย่างน้อย ชาวเมืองของที่นี่ก็ขนเอาก้อนชีสของตัวเองมากลิ้งลงเขาให้ผู้เข้าแข่งขันต้องวิ่งไล่ตาม ใครเก็บก้อนชีสได้ ก็เอาก้อนชีสอร่อยๆกลับบ้านไปเลย ฟังดูง่ายแต่เอาจริงๆแล้วกีฬานี้มันท้าทายมากๆ ก้อนชีสที่กลิ้งลงเนินเขามาอาจจะทำความเร็วได้ถึง 110 กม./ชม. ผู้เข้าแข่งขันหลายๆคนต้องหกล้มเลือดตกยางออก หรือแม้แต่แข้งขาหักขณะพยายามวิ่งไล่ตามชีสกันทุกครั้งไป

ต้นตอของเทศกาลนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ไม่จบ บ้างบอกว่าเป็นเทศกาลเพื่อสร้างความอุดมสมบูรณ์และเพิ่มการเก็บเกี่ยวผลไม้ บ้างก็บอกว่าเป็นสัญลักษณ์ของวัฏจักรชีวิต คือ การสร้าง การปล่อย การไล่ตาม และการเก็บกลับมา แต่ที่แน่ๆก็คือตลอดหลายๆปีที่ผ่านมา เทศกาลนี้ดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ไม่น้อย

 

10. เทศกาลอัณฑะไก่งวง - เมืองไบรอน อิลลินอยส์
 

Photo by Getty Images


เทศกาลอัณฑะไก่งวงที่เก่าแก่ที่สุดเกิดขึ้นที่เมืองไบรอน รัฐอิลลินอยส์ ตั้งแต่ปี 1978 ตอนนี้เทศกาลดังกล่าวได้แพร่หลายไปในหลายเมืองเล็กๆทั่วทั้งสหรัฐฯ แต่ถ้าอยากชมความเป็นดั้งเดิมที่สุดก็ต้องเป็นที่เมืองไบรอนส่วนกิจกรรมหลักของเทศกาลนี้ก็คือการกินอัณฑะไก่งวงทอด แล้วยังมีเกมกับกิจกรรมอื่นๆที่ผู้เข้าร่วมต้องอายุเกิน 21 ปีขึ้นไปถึงเข้าแข่งกับเค้าได้ด้วย


ที่มา : http://lifestyle.th.msn.com

10 วิธีแต่งงานสุดอึ้งที่เกิดขึ้นจริง!

10. โปรแกรมเมอร์สุดเจ๋งขอแต่งงานโดยแฮกเกมส์ที่แฟนสาวชอบเล่น

เผิง ชายหนุ่มผู้ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ได้แฮกเข้าไปยังเกมที่แฟนสาวนามว่า หลี่ ชอบเล่นเป็นชีวิตจิตใจ ขณะที่หลี่กำลังนั่งเล่นเกมที่เธอติดงอมแงมอยู่เหมือนเคย แต่จู่ ๆ ก็มีรูปแหวนเด้งขึ้นมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ พร้อมกับข้อความขอแต่งงาน ช่างเป็นวิธีที่แปลกแต่ก็น่ารักมากเลยทีเดียวเชียว
9. ขอแต่งงานระหว่างกระโดดร่ม
มาร์ตินและแฟนสาวผู้กล้าหาญ กระโดดร่มลงมาจากเครื่องบินความสูง 20,000 ฟุต และขอแต่งงานกลางอากาศ มาร์ตินกล่าวว่าเวลากระโดดร่มนั้น หัวใจของเขาจะเต้นแรง แต่ครั้งนี้ต้องขอแต่งงานไปด้วยพร้อมกัน มันทำให้หัวใจของเขาทั้งคู่ยิ่งเต้นแรงมากกว่าเดิมหลายเท่า ดีนะเนี่ยที่ไม่หัวใจวายไปซะก่อน
8. ขอแต่งงานผ่านเฟซบุ๊ก
ชายหนุ่มคนหนึ่งตัดสินใจขอสาวแต่งงานด้วยการโพสต์สเตตัสบนเฟซบุ๊ก เล่นกันแบบง่าย ๆ เลยทีเดียวเชียว ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะเป็นการแต่งงานที่ง๊ายง่าย ไม่มีการลงทุนหรือวางแผนใด ๆ แต่สาวเจ้าก็ยอมตกปากรับคำในที่สุด แม้ว่าจะอึ้งอยู่บ้างก็ตาม เฮ้อ.. เชื่อเขาเลย
7. ขอแต่งงานโดยเอาแหวนไปใส่ไว้ในลูกโป่ง
เลฟโกา ฮัจจี หนุ่มอังกฤษ ปิ๊งไอเดียการขอแต่งงานหญิงสาวด้วยการเอาแหวนหมั้นไปใส่ไว้ในลูกโป่งฮีเลียม แต่แล้วเมื่อเขาเดินถือลูกโป่งออกมา ปรากฏว่าลมพัดแรงจนทำให้ลูกโป่งที่ใส่แหวนไว้หลุดมือลอยไปไกล เขาจึงต้องวิ่งตามลูกโป่งเจ้ากรรมไป โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง กว่าจะเอากลับมาได้ เกือบเสียแหวนไปแล้วไหมล่ะ
6. ขอแต่งงานผ่านเว็บขายของ Groupon
ชายหนุ่มนามว่า เกร็ก ได้ขอให้ทางเว็บไซต์สร้างหน้าเพจข้อความขอ ดาน่า แฟนสาวแต่งงาน ในรูปแบบเดียวกับการขายสินค้า โดยกำหนดราคาไว้ 1$ เท่านั้น ซึ่งเมื่อดาน่าได้เห็นเข้าเธอก็ตกลงทันที
5. หนุ่มแสดงโชว์ไฟลุกท่วมตัวก่อนคุกเข่าขอแต่งงาน
หนุ่มนามว่า ทอดด์ พยายามสร้างความประทับใจให้กับมาลิสซ่าแฟนสาว ด้วยการแสดงโชว์ผาดโผนสวมชุดกันไฟก่อนจุดไฟลุกท่วมตัว โดยได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนสตันท์แมนของเขา ก่อนจะคุกเข่าต่อหน้าแฟนสาว และกล่าวว่า “คุณทำให้ให้ผมเร่าร้อนจนตัวลุกเป็นไฟ แต่งงานกับผมนะ” และแน่นอนว่าลงทุนถึงขนาดนี้แล้ว มาลิสซ่าก็ตอบตกลงแต่งงานพร้อมกับความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข งานนี้ถึงอันตรายแต่ได้ใจไปเต็ม ๆ
4. ขอแต่งงานบนเครื่องบิน
ทำทีเป็นเครื่องบินขัดข้อง นักบินไรอัน ทอมป์สัน ชวนสาวออกเดทด้วยการพาขับเครื่องบินเหินฟ้า แต่ระหว่างที่บินอยู่นั้น เขาก็ทำเหมือนเครื่องบินขัดข้อง จึงบอกแฟนสาวให้สงบสติอารมณ์แล้วอ่านคู่มือปฏิบัติเมื่อเครื่องยนต์ขัดข้องให้ฟังหน่อย ซึ่งไฮไลท์ก็อยู่ตรงนี้แหละ เพราะข้อความในคู่มือนั้นเป็นข้อความขอแต่งงานต่างหาก งานนี้ทำเอาสาวเจ้าหัวใจหล่นวูบ
3. โดดตึกขอแต่งงาน
หนุ่มอเมริกันรายหนึ่ง ได้ประกาศตัวเองว่าจะขอแฟนสาวแต่งงานบนดาดฟ้าตึก 4 ชั้น ท่ามกลางเพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ ของเขา โดยหนุ่มคนนี้ได้ยืนอยู่ริมตึก แล้วให้เพื่อนทำทีเป็นโยนแหวนแต่งงานให้เขารับ แต่เขากลับทำทีเป็นคว้าแหวนไม่ได้ เสียหลักตกตึกไปซะอย่างนั้น ทำเอาแฟนสาวใจหล่นวูบ รีบวิ่งมาดูแฟนหนุ่มที่ตกตึกไปสู่เบื้องล่าง และเมื่อมองลงไปก็พบว่า ด้านล่างนั้นมีถุงลมรองรับร่างแฟนหนุ่มไว้ พร้อมกับคำขอที่ยิ่งใหญ่ "แต่งงานกับผมนะ" เรียกว่าเป็นการขอแต่งงานที่แม้จะทำเอาแฟนสาวใจหายใจคว่ำไปหน่อย แต่ก็น่าประทับใจอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ
2. ขอแต่งงานท่ามกลางการประท้วง
ชายหนุ่มคนนี้กำลังขอหญิงสาวแต่งงาน ท่ามกลางการประท้วงในนิวยอร์ก ชายหนุ่มกล่าวว่าเขาไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น เขาได้แต่หวังว่าเขาจะขอผู้หญิงแต่งงานได้สำเร็จเท่านั้น แหม่...ทำไปได้
1. ใส่แหวนลงไปในเบียร์
ในปี 2009 รี้ด แฮร์ริส ได้วางแผนขอ เคทลิน วิปเปิล แฟนสาว แต่งงานโดยใส่แหวนลงไปในเบียร์หวังจะเซอร์ไพรส์ แต่ก็ผิดคาดเพราะว่าฝ่ายหญิงไม่รู้ เลยกินแหวนไปพร้อมกับเบียร์ สุดท้ายต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลซะงั้น





Thx. Cr. toptenthailand.com